เมนู

5. โรหิณีชาดก


ผู้อนุเคราะห์ที่โง่เขลาไม่ดี


[45] "มีศัตรูผู้เป็นนักปราชญ์ยังดีกว่า คน
โง่เขลาถึงเป็นผู้อนุเคราะห์ จะดีอะไร ท่านจงดู
นางโรหิณีผู้โง่เขลา ฆ่ามารดาแล้วเศร้าโศกอยู่"

จบ โรหิณีชาดกที่ 5

อรรถกถาโรหิณีชาดกที่ 5


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระมหาวิหารชื่อว่า
เชตวัน ทรงปรารภทาสีของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีคนหนึ่ง
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า "เสยฺโย อมิตฺโต" ดังนี้.
ได้ยินมาว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมีทาสีคนหนึ่ง ชื่อว่า
โรหิณี. วันหนึ่ง มารดาของนางทาสีซึ่งเป็นหญิงแก่ มานอนอยู่
ในโรงกระเดื่อง. ฝูงแมลงวันรุมกันตอมมารดาของนางโรหิณีนั้น
กัดเจ็บเหมือนกับแทงด้วยเข็ม นางจึงบอกกับลูกสาวว่า แม่หนู
แมลงวันรุมกัดแม่ เจ้าจงไล่มันไป นางรับคำว่า จ๊ะแม่ ฉันจะ
ไล่มัน เงื้อสาก คิดในใจว่า เราจักตีแมลงวันที่รุมตอมตัวของไม่
ให้ตาย ให้ถึงความพินาศ แล้วก็เหวี่ยงสากตำข้าว ถูกมารดา

ตายคาที่. ครั้นเห็นมารดาตาย ก็ร้องไห้คร่ำครวญว่า แม่ของเรา
ตายเสียแล้ว ๆ คนทั้งหลาย จึงบอกเรื่องราวแก่ท่านเศรษฐี.
ท่านเศรษฐีได้การสรีรกิจตามสมควรแล้วก็ไปสู่วิหาร กราบ
ทูลเรื่องราวทั้งหมดแก่พระบรมศาสดา. พระองค์ตรัสว่า ดูก่อน
คฤหบดี มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่นางทาสีนี้ประหารมารดาของ
ตนตายด้วยสากตำข้าว เพราะมั่นหมายว่า จักประหารแมลงวัน
ที่ตอมตัวของมารดา แม้ในปางก่อน ก็ได้เคยประหารมารดา
ให้ตาย ด้วยสากซ้อมข้าวมาแล้วเหมือนกัน ท่านเศรษฐีกราบทูล
อาราธนา แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุง
พาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลเศรษฐี ครั้นบิดาวายชนม์
ก็ครองตำแหน่งเศรษฐีแทน ท่านมีทาสีคนหนึ่ง ชื่อ โรหิณี
เหมือนกัน แม้ทาสีนั้น ก็ได้ประหารมารดาของตน ผู้มาสู่โรง
กระเดื่อง บอกให้ช่วยปัดแมลงวันให้ด้วยสากซ้อมข้าวอย่างนี้
นั่นแหละ ครั้นมารดาสิ้นชีวิต ก็ร้องไห้คร่ำครวญ. พระโพธิสัตว์
ฟังเรื่องนั้นแล้ว ดำริว่า ถึงแม้จะเป็นศัตรูก็ขอให้เป็นบัณฑิตเถิด
ประเสริฐแน่ แล้วกล่าวคาถานี้ความว่า :-
"ศัตรูเป็นคนมีปัญญา ดีกว่าคนผู้อนุ-
เคราะห์ แต่เป็นคนโง่ ไม่ประเสริฐเลย จงดูนาง
โรหิณีผู้โง่เง่า ฆ่าแม่ตายแล้ว ร้องไห้อยู่"

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เมธาวี ได้แก่บัณฑิต คือท่าน
ที่มีความรู้แจ่มแจ้ง. บทว่า ยํ ในบาทคาถาว่า ยญฺเจ พาลานุกมฺปโก
นี้ ท่านทำเป็นลิงควิปวาส. ศัพท์ว่า เจ เป็นนิบาตใช้ในอรรถ
แห่งนาม. ความว่า บัณฑิตถึงแม้จะเป็นศัตรู ก็ยังดีกว่าคนโง่เขลา
ที่มีใจเอ็นดูกรุณา ตั้งร้อยเท่าพันเท่าทีเดียว. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า
ยํ เป็นนิบาต ลงในอรรถว่า ปฏิเสธ ความว่า คนโง่เขลา ผู้มีใจ
เอ็นดู จะประเสริฐได้อย่างไร ?
บทว่า ชมฺมึ แปลว่า ผู้ชั่วช้า โง่เซอะ.
บทว่า มาตรํ หนฺตวาน โสจติ ความว่า นางโรหิณีผู้โง่เง่า
หมายใจว่า เราจักฆ่าแมลงวัน กลับฆ่าแม่บังเกิดเกล้า แล้วร้องไห้
คร่ำครวญอยู่ด้วยตนเอง. ด้วยเหตุนี้ในโลกนี้ แม้ถึงจะมีศัตรู
ก็ขอให้เป็นบัณฑิตเถิด ยังดีกว่าแน่นอน. พระโพธิสัตว์เมื่อ
สรรเสริญบัณฑิต ทรงแสดงธรรมแล้วด้วยคาถานี้.
พระบรมศาสดาตรัสว่า ดูก่อนคฤหบดี มิใช่แต่ในบัดนี้
เท่านั้น ที่นางโรหิณีหมายใจว่า " เราจักฆ่าแมลงวัน " กลับฆ่า
มารดาเสีย แม้ในปางก่อนก็เคยฆ่ามาแล้วเหมือนกัน ครั้นทรง
นำพระธรรมเทศนานี้มาตรัสแล้ว ทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดก
ว่า มารดานางโรหิณีในครั้งนั้น ก็มาเป็นมารดาในครั้งนี้ ธิดา
ในครั้งนั้น ก็มาเป็นธิดาในครั้งนี้เหมือนกัน แต่มหาเศรษฐีใน
ครั้งนั้น ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาโรหิณีชาดกที่ 5

6. อารามทูสกชาดก


ฉลาดในสิ่งไม่เป็นประโยชน์ ไม่มีความสุข


[46] "ผู้ฉลาดในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ถึงจะ
ทำความเจริญ ก็ไม่สามารถจะนำความสุขมาให้
ผู้มีปัญญาทราม ย่อมทำประโยชน์ให้เสีย เหมือน
ลิงผู้รักษาสวน ฉันนั้น"

จบ อารามทูสกชาดกที่ 6

อรรถกถาอารามทูสกชาดกที่ 6


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภคนประทุษร้ายอุทยาน ในหมู่บ้านโกศลตำบลหนึ่ง ตรัส
พระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า " น เว อนตฺถกุสเลน" ดังนี้.
ดังได้สดับมา เมื่อพระบรมศาสดา เสด็จจาริกไปในแคว้น
โกศล ทรงบรรลุถึงหมู่บ้านตำบลหนึ่ง. กุฏุมพีในหมู่บ้านนั้น
หนึ่ง นิมนต์พระตถาคตเจ้าให้ประทับนั่งในอุทยานของตน
ถวายทานแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธองค์เป็นประมุขแล้ว กราบทูล
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงเสด็จเที่ยวไปในสวนนี้
ตามความพอพระทัยเถิด. ภิกษุทั้งหลายก็พากันลุก ชวนนายอุทยานบาล